Cbr650f รีวิว ขุมพลังโฉมใหม่ของค่ายปีกนก

รูปลักษณ์ภายนอกของ ‘Honda CBR650’ ค่อนข้างมีความเพรียวลม ตามรถระดับ Middle Weight โดยรหัสลงท้ายของรุ่นนี้ คือ F ซึ่งย่อมาจากคำว่า Street Fighter จึงทำให้ CBR650f ใช้เบาะแบบตอนเดียว ซึ่งมีความแตกต่างจากรถตระกูล R ทั้งหลาย โดยมีลักษณะเป็นเบาะแยก 2 ชั้น อีกทั้งยังมีท่อไอเสียออกล่างซึ่งเป็นความนิยมใหม่ของรถ Bigbike ขนาด Middle Weight

Cbr650f มาพร้อมขุมพลังอันน่าสนใจ ถูกใจนักบิดรุ่นใหม่

เริ่มจากส่วนของไฟหน้า ใช้รูปทรง V Shape ตามสไตล์ Multi Reflector ใส่ไฟหรี่ LED ซึ่งช่วยให้เกิดความดูดีขึ้นมาก จึงเหมือนรถยนต์ที่มีไฟ DRL อย่างไรอย่างนั้น และมาตรวัดหน้าจอ Digital แบบ LCD ที่แสดงผลความเร็ว ส่วนรอบเครื่องยนต์จะอยู่ทางฝั่งซ้าย และยังมีการใช้กุญแจนิรภัยแบบ HISS ที่มีชิพฝังอยู่ข้างใน มีความปลอดภัยมากขึ้น

โดย CBR650f มีความสูง 810 mm มีน้ำหนัก Curb Weight ขนาด 211 กก. ถังน้ำมันรองรับได้ถึง 17.3 ลิตร สำหรับสีจะมีให้เลือก 2 สีเท่านั้น คือ แดงกับดำด้าน มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 3 แสนบาท

สมรรถนะของเครื่องยนต์อัดแน่นมาด้วยขุมพลัง 4 สูบเรียง โดยมีจำนวนความจุ  648.7cc หัวฉีด PGM-FI  ระบายความร้อนด้วยน้ำ แรงบิด 63Nm @8,000rpm โดยทางค่ายปีกนก ได้เคลมมาว่าตัวเลขการวิ่งระยะ 0-400 ม. สามารถทำได้ในเวลาเพียง 12 วินาทีเท่านั้น เกียร์แบบคลัชมือ 6 Speed เพราะฉะนั้นการตอบสนอง จึงให้ความรู้สึกสามารถขับขี่ได้อย่างเร้าใจ เมื่อทดลองติดเครื่องยนต์และอุ่นเครื่องเรียบร้อยแล้ว รอบเดินจะอยู่ที่ 1,250 rpm

เมื่อนำมาทดลองขับขี่จริง จึงพบข้อมูลว่าช่วงรอบก่อน 2,000 rpm ยังไม่ค่อยมีกำลังวังชานัก จึงทำให้กำลังช่วงต้น สู้รถตระกูล 2 สูบไม่ได้ โดยในช่วงที่มีรอบเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3,000 rpm  การบิดคันเร่งจะมีความหน่วงไปสักนิด แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ก็สามารถสัมผัสได้ถึงเรี่ยวแรง รวมทั้งแรงดึงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อลากรอบรถไปเรื่อยๆ จนถึง 6,000 -7,000r pm ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถสร้างความบันเทิงได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ซุ่มเสียงเมื่อฟังแล้วสัมผัสได้ถึงความหวานเมื่อรอบเครื่องสูง ถึงแม้ท่อจะเงียบมากที่รอบเดินเบาก็ตาม โดยเฉพาะในช่วงรอบเครื่องต่ำ จะให้เสียงที่สุภาพเหมาะสำหรับคนชอบสายหวาน นอกจากนี้กำลังเครื่องอาจไม่ได้จัดจ้านแบบรถ Supersport แต่ก็รับรู้ได้ว่ารอบเครื่องยนต์สูงนี้ เป็นพละกำลังที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้นมาแบบหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเหมือนนักมวยที่สาวหมัดออกตัวช้า แต่หมัดหนักแรงและเร็ว ราวกับผึ้งที่ปล่อยเหล็กในใส่ศัตรู